วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

4.คำนิยมและคมนิยามของ ยูเอฟโอโซคูล

ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ ของ อาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ (ฉายาฤๅษี เอกอมตะ) มานานก่อนที่จะได้พบตัวจริงเสียงจริงเมื่อ ปี ๒๕๕๑ บุคลิกของเขาปรากฏอยู่ชัดเจนในบทประพันธ์ที่หลากหลายแต่ละบทตอนสะท้อนเรื่องราว และแง่มุมต่างๆแห่งชีวิตได้ดีมาก ตอนที่ได้อ่าน บทประพันธ์รวมเล่ม “จินตาญชลี” ทำให้นึกแปลกใจว่า อาจารย์ช่างกลโรงงานจะมีน้ำอดน้ำทนนั่งขีดเขียนได้ปานนั้น ตอนหลังเมื่อได้พบปะกันถึงได้ทราบว่า อาจารย์วรวิทย์ มีจิตวิญญาณ แห่งนักเขียนและนักกลอนโดยแท้ ด้วยจิตใจที่ละเอียดอ่อน เมื่อมีสิ่งมาสัมผัส สร้างแรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อใด อาจารย์วรวิทย์แทบไม่ต้องใช้เวลามากมายในการสรรหาถ้อยคำมาร้อยเรียงหาสัมผัสจัดข้อความให้ยุ่งยาก ความจริงใจต่ออารมณ์นั้นๆ ทำให้บทกลอนชวนอ่าน แม้บางครั้งอาจารย์จะปรารภว่า บางบทไม่ได้ฉันทลักษณ์ตามแบบแผนที่ครูบาอาจารย์สอนไว้ แต่ก็มีเป็นเพียงส่วนน้อย
ถ้าพูดแบบบ้านๆ ข้าพเจ้าอยากเปรียบว่า อาจารย์วรวิทย์นั้นเขียนกลอนเหมือน “เปิดก๊อก” สิ่งใดก็ตามมาที่โดนใจในพริบตาเดียว ก็จะมีกลอนแปดบ้าง โคลงสี่สุภาพ (ไม่สุภาพบ้าง..) เขียนไว้ให้มิตรสหายอ่าน ทั้งให้อ่านเล่นสนุกๆ ขำๆ บางทีก็มีข้อคิด สะท้อนสังคม บางทีก็เป็น คติธรรม ทุกครั้งที่ได้อ่านคำประพันธ์ของอาจารย์นั้นข้าพเจ้าไม่เคยผิดหวังเลย
เมื่อปลายปี (เดือน พฤศจิกายน)ที่แล้วอาจารย์วรวิทย์ไปปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าหนองไผ่ สกลนคร แล้วก็มีฉันทาคติ บันทึกประสบการณ์ภายใต้ชื่อเรื่อง “เจ็ดธรรมราตรี” มาเผื่อแผ่ให้เพื่อนพ้อง ญาติมิตรได้มีส่วนรู้เห็นผ่านตัวอักษรไม่ว่าจะเป็นหัวข้อธรรมที่ได้รับมาจากการอบรมจากพระอาจารย์สุธรรมเจ้าอาวาส รวมถึงการเล่าเรื่องที่สร้างสีสันงดงาม สดชื่นเมื่อบรรยายถึงธรรมชาติแวดล้อม และความสงบที่ได้รับ ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนำ “หนังตัวอย่าง”จากบทนำ มาเพื่ออุ่นเครื่อง เมื่ออาจารย์ได้กล่าวถึงเหตุจูงใจการไปปฏิบัติธรรม ตามข้อความที่คัดย่อมาดังต่อไปนี้
“มานั่งลำดับทบทวนย้อนหลังตั้งแต่เกิดมาจน(แก่) ปานนี้ ว่าชีวิตมีแก่นสารสาระอะไรบ้างหรือไม่ มีสุขมีทุกข์บ้างหรือไม่ สมหวังผิดหวังบ้างหรือไม่ ดีเลวบ้างหรือไม่ มีอะไรที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำอะไรบ้าง…
ทุกสิ่งอย่างดูเหมือนทำไว้ให้โลก ฝากไว้ให้โลก แล้วทำให้ตนเองตามประสาผู้ยังกิเลสหนาอยู่หรือไม่ คำตอบก็ว่ามีบ้าง แต่เล็กน้อยเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย วันเกิดปีนี้ ควรจะทำประโยชน์ให้ตนเองและคุณยายราศรีผู้เป็นแม่บ้าง จึงเลือกทำประโยชน์ที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา คือการบำเพ็ญภาวนา.”
อาจารย์ได้เขียนเล่าความในใจด้วยความเป็นตัวของตัวเอง เรียบง่าย ชัดเจน อาจารย์ได้บันทึกถึงเรื่องการต่อสู้กิเลสและตัณหาอย่างตรงไปตรงมาอยู่หลายตอนทั้งที่เป็นร้อยแก้วและที่แต่งเป็นโคลงดังเช่น เรื่อง หนาวกิเลส
หนาวกายห่มผ้าให้ คลายหนาว
หนาวใจผ่อนลงคราว เคียงใกล้
หนาวลมเริงลมราว หลบลี้ เคหาสน์
หนาวกิเลสนั่นไซร้ ห่อนรู้คลายหนาว
จากคำนิยม คงจะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่ต่อท้ายด้วย คมนิยาม ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนมอบให้เนื่องในวันคล้ายวันเกิด เพื่อเป็น “นิยาม” ในความเป็นอาจารย์วรวิทย์ ในความเป็นฤๅษี และอนุโมทนากับการเสียสละเวลา กำลังกาย และกำลังทรัพย์ สร้างกุศล บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ มาอย่างต่อเนื่องนับเป็นสิบๆ ปี

สุขสันต์วันเกิดแด่เจ้าสัว มีบุญตัวสุขสบายมาหลายหน
คือชายหนุ่มซุ่มความรวยช่วยทุกคน ใครอับจนหนทางจงวางใจ
ขึ้นบ้านใหม่ไปบ้านเก่าก็เข้าช่วย มาอยู่หน่วยไกล่เกลี่ยความตามสมัย
ประกอบการการสมานฉันท์ทุกวันไป หนุ่มภูไทมาเป็นครูอยู่สกลฯ
ฮู ซี วี, he is good และพูดเก่ง เป็นนักเลงเชี่ยวภาษาน่าฉงน
ดั่งมีก๊อกเปิดน้ำได้ตามใจตน ในบัดดลแต่งคำกลอนตอนดีดี
วาสนามีได้ในชาติภพ บวชเรียนครบได้ชื่อเป็นฤๅษี
ในอดีตเริ่มชุมนุมกลุ่มดี๊ดี นับสิบปีสร้างเนตเวิร์คไปเบิกบุญ
เทวดาส่งมาโชว์ อโรคยาศาล สืบตำนานการต้มยามาเกื้อหนุน
สูตรหลวงตาสำหรับปรับสมดุลย์ ไม่ว้าวุ่นผู้ป่วยนั้นได้บรรเทา
อายุท่านปีใหม่ใกล้ ห้าสิบ แต่อุ๊บอิ๊บสี่ห้องใจไม่มีเก่า
หยั่นหว่อหยุ่นเด็กสมบูรณ์หุ่นไม่เบา ให้หล่อเร้าฯร่วมสุขสันต์วันBirthday

แด่ท่านหลานฤๅษี
วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๑
จาก ป้า UFO so cool.

3.คำนิยม โม คายยุน

                                    คำนิยม
 
                หลายปีที่ผ่านมา…วันเวลาที่ผ่านไป…ของฤาษีเอก อมตะ จะหมดไปกับงานหลวง งานสังคม และงานราษฎร์ โดยเฉพาะกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทันที บางครั้งก็เกิดไอเดียแปลก ๆ ขึ้นมาก็จะทุ่มเทจนสุดกำลัง เช่น การตั้งกองทุนผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โครงการสงฆ์อาพาธ โครงการบริจาคโลงศพ ฯลฯ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ความตั้งใจอย่างมั่นคงในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุไปประดิษฐาน ณ สถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ในทุกจังหวัดของประเทศไทยอย่างน้อยจังหวัดละ ๑ ผอบ
              ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ได้มอบให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถืออัญเชิญไปครบทุกจังหวัดแล้ว ภาคเหนือยังเหลือไม่กี่จังหวัด ภาคอิสานเกือบจะครบแล้ว นอกจากนั้นการสร้างพระพุทธรูปก็ได้ทำมาแล้วหลายองค์ เช่นพระประธานในพระอุโบสถกลางน้ำวัดพุทธโมคข์ บ้านนาเดื่อ ตำบลนาแก้ว อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร พระพุทธรูปปางลีลา สมเด็จพระมหามุนีศรีอุดมทรัพย์ทศพลญาณ ที่วัดป่าบ้านเชียงเครือ ทางเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ บ้านเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พระพุทธรูปปางสมาธิ สมเด็จพระมหามุนินทร์ปิ่นธรณีศรีนาแก เพื่อฉลอง ๑๐๐ ปีอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ที่วัดบ้านโพธิ์ศรี อำเภอนาแก นครพนม และที่แล้วเสร็จไปหมาด ๆ คือการหล่อพระพุทธรูปปางลีลา สมเด็จพระพุทธลีลาปาฎิหาริย์มิ่งภูพาน (เป็นพระพุทธรูปปางลีลาองค์แรกในเทือกเขาภูพาน) วัดป่านาผาง ตำบลกกปลาซิว อำเภอภูพาน จ.สกลนคร  
         บางครั้งจะเห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เขาก็ไม่บ่นหรือท้อถอยต่ออุปสรรค แต่กลับเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และความสุขใจที่ได้สร้างเส้นทางบุญที่อบอุ่นสว่างไสว
         พระพุทธเจ้าทรงตรัสเตือนว่า “ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาท” คือทำประโยชน์ให้กับคนอื่นแล้ว ก็ต้องไม่ลืมประโยชน์ตนด้วย ดังนั้น เมื่อว่างเว้นจากภารกิจหน้าที่ประจำวัน ก็จะหาเวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ในยามค่ำคืน แต่ด้วยชีวิตที่ยังมีเรื่องวุ่นวายจากภายนอก ย่อมเป็นการยากที่จะเอื้อต่อการเจริญสติด้วยใจที่ตั้งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปีที่มีวันหยุดยาว ๓ วัน ๕ วัน หรือแม้แต่เย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เขาก็จะนำตัวเองออกจากสังคม จากงาน จากสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายทั้งกายและใจ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง ด้วยการปลีกวิเวกไปสถานที่ต่าง ๆ ตามวัดป่าสายกรรมฐานลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เช่น วัดถ้ำโพธิ์ทอง ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ที่เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์บุญมี ปิยธรรมธัมโม ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ หรือวัดพุทธโมคข์ บ้านนาเดื่อ อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร หรือวัดป่าหนองไผ่ที่ท่านกำลังอ่านบันทึกอยู่นี้เพื่อการปฏิบัติบูชาเจริญภาวนา
    
       เจ็ดธรรมราตรี จึงเป็นการบอกเล่าประสบการณ์การดำเนินชีวิตทางธรรม การได้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติ ทำให้เกิดความสงบภายในจิต ดังเมตตาโอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์สุธรรมตอนหนึ่งกล่าวว่า “…การหาความสงบจากภายนอกธรรมชาติ จึงจะน้อมนำให้เกิดความสงบภายในจิต เกิดความหนักแน่นในจิตด้วยการกำหนดลมหายใจ…ให้คำนึงถึงปัจจุบันคือ ลมหายใจ…” หรือเทศนาธรรมจากท่านพระอาจารย์สุธรรม “…ธรรมะไม่ทำให้ใครเสื่อมเสียตกต่ำมีแต่ชูขึ้น จึงขอให้ทุกท่านมีความพากเพียรในศีลธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ…”
 
         ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับท่านฤาษีเอก อมตะ ที่มีความตั้งมั่นอยู่ในเส้นทางการเจริญภาวนา… เพื่อละทิ้งอัตตาตัวตนเสียโดยเร็ว

ด้วยความศรัทธาในความเพียรพยายาม
โมคายยุน
วันพุธ ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒

 
 

2.คำนิยม นายแพทย์ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์



                 ชาวพุทธในประเทศไทยมีทั้งชาวพุทธที่ถือเอาตามทะเบียนบ้านลงไว้ว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่เคยศึกษาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่ทราบเรื่องการปฏิบัติตนของชาวพุทธ ได้อาศัยอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีของสังคมชาวพุทธ จึงได้แต่กราบไหว้ ทำตามพิธีกรรมต่างๆ หาได้รู้หลักคำสอนของศาสนาไม่ มีชาวพุทธอีกส่วนหนึ่งที่ทำการศึกษา ขวนขวายหาความรู้ ทำความเข้าใจถึงหลักการในศาสนา ไม่ติดยึดในพิธีกรรม และลงมือปฏิบัติตามหลักของศาสนานั้น ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนน้อยในสังคม  


               
                อาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ บุตรนายเซ็ง และคุณยายราศี ตงศิริ คนอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ก็เป็นชาวพุทธในประเภทหลัง ซึ่งถือว่าเป็นชาวพุทธ หรือเป็นอุบาสก ที่แท้จริง เพราะไม่เพียงแต่ศึกษา ขวนขวายหาความรู้ทางศาสนาแล้ว ยังเป็นผู้ลงมือปฏิบัติธรรมตัวจริง คือการเจริญในทาน ศีล ภาวนา ซึ่งการปฏิบัติธรรมถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของชาวพุทธ เพียงแต่การรู้ธรรม เข้าใจตามอักษรพยัญชนะ หรือกล่าวธรรมได้ไพเราะ อัศจรรย์เพียงใด แต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรม ก็ถือว่ายังไม่เข้าถึงธรรมนั้น การหาโอกาสซึ่งเป็นวันเกิดของตัวเองหาสถานที่วิเวก ปฏิบัติธรรมแทนการไปเลี้ยงฉลอง เป่าเทียน ตัดเค้ก หรือดื่มเหล้าเมายา ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อาจารย์ วรวิทย์ จึงเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้
          

          ด้วยความเป็นศิลปินและความเป็นกวีของอาจารย์วรวิทย์ ทำให้เรามีวรรณกรรมไว้อ่านอีกเรื่อยๆ ตั้งแต่ ประวัติหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ,     จินตาญกวี จนถึงหนังสือเล่มนี้ ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้พรรณนาโวหาร ให้เห็นถึงภาพเหตุการณ์จริง เช่น เสียงธรรมชาติ เสียงสัตว์ ต่างๆ ชักนำให้ผู้อ่านจินตนาการตามเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง รวมทั้งการถ่ายทอดสิ่งที่ได้พบเห็นและความรู้สึกขณะปฏิบัติธรรม ด้วยภาษาที่เรียบง่าย ลำดับเหตุการณ์เหมือนชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้อ่านเห็นว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก สามารถผสมผสานภารกิจปกติที่มีในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติธรรมได้จนครบ ๗ วัน ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือการสอดแทรกภูมิธรรม เป็นระยะ เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนควรเชื่อมโยงข้อธรรม น้อมมาพิจารณาเทียบเคียงกับสิ่งที่เห็นในภาวะจิตสงบ เพื่อยกระดับจิตใจให้สะอาดยิ่งๆ ขึ้นไป
          

         ต้องขอขอบคุณอาจารย์วรวิทย์ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ ๗ วันแห่งการปฏิบัติธรรมไปยังผู้อ่าน เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้มีผู้คนได้มีแนวทางการปฏิบัติธรรม ในขณะที่เป็นฆราวาสมีภารกิจวุ่นวาย ก็สามารถหาโอกาสทำได้จริง ถ้าสังคมพุทธเน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมแล้ว จะเป็นหัวใจสำคัญในการสืบทอดศาสนาพุทธต่อไป

                  น.พ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์
            ประธานเครือข่ายสร้างสรรค์เมืองสกล


                                 

สัมโมทนียกถา

 

 


 



หนังสือ เจ็ดธรรมราตรี





หนังสือนี้เขียนขึ้นเพื่อถวายเป็นสักการะบูชา

หลวงพ่อพระอาจารย์สุธรรม  สุธรรมโม
วัดป่าหนองไผ่ ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง สกลนคร

 
กลับจากญี่ปุ่นลงเครื่องยังไม่หายเมื่อย
มาชมนิทรรศการดอกกล้วยไม้งามห้างดังกลางกรุง