วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

3.คำนิยม โม คายยุน

                                    คำนิยม
 
                หลายปีที่ผ่านมา…วันเวลาที่ผ่านไป…ของฤาษีเอก อมตะ จะหมดไปกับงานหลวง งานสังคม และงานราษฎร์ โดยเฉพาะกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทันที บางครั้งก็เกิดไอเดียแปลก ๆ ขึ้นมาก็จะทุ่มเทจนสุดกำลัง เช่น การตั้งกองทุนผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โครงการสงฆ์อาพาธ โครงการบริจาคโลงศพ ฯลฯ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ความตั้งใจอย่างมั่นคงในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุไปประดิษฐาน ณ สถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ในทุกจังหวัดของประเทศไทยอย่างน้อยจังหวัดละ ๑ ผอบ
              ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ได้มอบให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถืออัญเชิญไปครบทุกจังหวัดแล้ว ภาคเหนือยังเหลือไม่กี่จังหวัด ภาคอิสานเกือบจะครบแล้ว นอกจากนั้นการสร้างพระพุทธรูปก็ได้ทำมาแล้วหลายองค์ เช่นพระประธานในพระอุโบสถกลางน้ำวัดพุทธโมคข์ บ้านนาเดื่อ ตำบลนาแก้ว อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร พระพุทธรูปปางลีลา สมเด็จพระมหามุนีศรีอุดมทรัพย์ทศพลญาณ ที่วัดป่าบ้านเชียงเครือ ทางเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ บ้านเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พระพุทธรูปปางสมาธิ สมเด็จพระมหามุนินทร์ปิ่นธรณีศรีนาแก เพื่อฉลอง ๑๐๐ ปีอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ที่วัดบ้านโพธิ์ศรี อำเภอนาแก นครพนม และที่แล้วเสร็จไปหมาด ๆ คือการหล่อพระพุทธรูปปางลีลา สมเด็จพระพุทธลีลาปาฎิหาริย์มิ่งภูพาน (เป็นพระพุทธรูปปางลีลาองค์แรกในเทือกเขาภูพาน) วัดป่านาผาง ตำบลกกปลาซิว อำเภอภูพาน จ.สกลนคร  
         บางครั้งจะเห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เขาก็ไม่บ่นหรือท้อถอยต่ออุปสรรค แต่กลับเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และความสุขใจที่ได้สร้างเส้นทางบุญที่อบอุ่นสว่างไสว
         พระพุทธเจ้าทรงตรัสเตือนว่า “ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาท” คือทำประโยชน์ให้กับคนอื่นแล้ว ก็ต้องไม่ลืมประโยชน์ตนด้วย ดังนั้น เมื่อว่างเว้นจากภารกิจหน้าที่ประจำวัน ก็จะหาเวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ในยามค่ำคืน แต่ด้วยชีวิตที่ยังมีเรื่องวุ่นวายจากภายนอก ย่อมเป็นการยากที่จะเอื้อต่อการเจริญสติด้วยใจที่ตั้งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปีที่มีวันหยุดยาว ๓ วัน ๕ วัน หรือแม้แต่เย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เขาก็จะนำตัวเองออกจากสังคม จากงาน จากสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายทั้งกายและใจ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง ด้วยการปลีกวิเวกไปสถานที่ต่าง ๆ ตามวัดป่าสายกรรมฐานลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เช่น วัดถ้ำโพธิ์ทอง ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ที่เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์บุญมี ปิยธรรมธัมโม ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ หรือวัดพุทธโมคข์ บ้านนาเดื่อ อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร หรือวัดป่าหนองไผ่ที่ท่านกำลังอ่านบันทึกอยู่นี้เพื่อการปฏิบัติบูชาเจริญภาวนา
    
       เจ็ดธรรมราตรี จึงเป็นการบอกเล่าประสบการณ์การดำเนินชีวิตทางธรรม การได้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติ ทำให้เกิดความสงบภายในจิต ดังเมตตาโอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์สุธรรมตอนหนึ่งกล่าวว่า “…การหาความสงบจากภายนอกธรรมชาติ จึงจะน้อมนำให้เกิดความสงบภายในจิต เกิดความหนักแน่นในจิตด้วยการกำหนดลมหายใจ…ให้คำนึงถึงปัจจุบันคือ ลมหายใจ…” หรือเทศนาธรรมจากท่านพระอาจารย์สุธรรม “…ธรรมะไม่ทำให้ใครเสื่อมเสียตกต่ำมีแต่ชูขึ้น จึงขอให้ทุกท่านมีความพากเพียรในศีลธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ…”
 
         ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับท่านฤาษีเอก อมตะ ที่มีความตั้งมั่นอยู่ในเส้นทางการเจริญภาวนา… เพื่อละทิ้งอัตตาตัวตนเสียโดยเร็ว

ด้วยความศรัทธาในความเพียรพยายาม
โมคายยุน
วันพุธ ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒

 
 

ไม่มีความคิดเห็น: