วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

8.ปฐมบท

ตั้งแต่เกิดมาเริ่มจากวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๔ จนถึงวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑ นี่ก็นานมาครบ ๔๗ ปีพอดี นับเป็นวันได้เท่ากับ ๔๗ คูณ ๓๖๕ วัน ได้ ๑๗,๑๕๕ วันพอดี ถ้าเราจะมีอายุ ๘๐ ปี คือ ๘๐ คูณ ๓๖๕ วัน เท่ากับ ๒๙๒๐๐ วัน ก็จะยังมีเวลาเหลืออยู่ในโลกนี้ เท่ากับ ๒๙๒๐๐ วันลบออก ๑๗๑๕๕ วัน เหลือเท่ากับ ๑๒๐๔๕ วันเท่านั้น นับว่าน้อยมาก อายุ ๔๗ ปี ดูเหมือนจะยังไม่แก่ หน้าตาพออวบอั๋นหล่อเร้าอุดมด้วยไขมันบ้าง แต่สังขารไม่ยอมหยุดกับที่ สายตาก็ต้องเปลี่ยนแว่นหลายครั้งแล้ว เรี่ยวแรงที่พอมีก็ดูจะอ่อนล้า เคยวิ่งได้วันละ ๒๐ กม. เดี๋ยวนี้มีแรงเดินเล่นกอล์ฟก็บุญแล้ว อะไรก็เปลี่ยนไปเคลื่อนคล้อยเข้ามรณะกาลตลอดเวลา
มานั่งลำดับทบทวนย้อนหลังตั้งแต่เกิดมาจน(แก่) ปานนี้ ว่าชีวิตมีแก่นสานต์สาระอะไรบ้างหรือไม่ มีสุขมีทุกข์บ้างหรือไม่ สมหวังผิดหวังบ้างหรือไม่ ดีเลวบ้างหรือไม่ มีอะไรที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำอะไรบ้าง ฝากไว้ให้โลก ปรากฏว่ามีมากมายหลายอย่างเหลือเกินที่ทำมาจนเจ้าตัวก็ยังงงงันว่าทำได้อย่างไร ทุกสิ่งอย่างดูเหมือนทำไว้ให้โลก ฝากไว้ให้โลก แล้วทำให้ตนเองตามประสาผู้ยังกิเลสหนาอยู่หรือไม่ คำตอบก็ว่ามีบ้างแต่เล็กน้อยเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย วันเกิดปีนี้ ควรจะทำประโยชน์ให้ตนเองและคุณยายราศรี ผู้เป็นแม่บ้าง จึงเลือกทำประโยชน์ที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา คือการบำเพ็ญภาวนา ประกอบกับได้เคยอธิษฐานไว้ว่าจะขึ้นไปอยู่บนภูเขาสัก ๓ ราตรี มาคราวนี้ประจวบเหมาะ เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนครเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดงานพระราชทานปริญญาบัตรให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎทั่วภาคอิสาน สถานศึกษาใกล้เคียงจำเป็นต้องหยุดเพื่อมิให้เกิดการจราจรพลุกพล่านเกินไป เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นต้นไป เห็นว่าเวลาช่วงนี้เหมาะสมแล้ว จำเป็นต้องรีบไปขึ้นภูเขาเพื่อปฎิบัติธรรมกรรมฐาน สถานที่พิจารณาดูแล้วเห็นว่า วัดป่าหนองไผ่ บ้านหนองไผ่ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่ง ท่านพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม เป็นเจ้าอาวาส เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด


รูปที่ ๑ พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
เจ้าอาวาสวัดป่าหนองไผ่
เหตุผลเพราะท่านพระอาจารย์สุธรรมให้ความเมตตาจึงคุ้นเคยกับท่านพระอาจารย์พอสมควร และสืบเนื่องจากเคยริเริ่มทำบุญกับ ท่านผู้พิพากษาอนุพงษ์ โพร้งประภา จัดตั้งกองผ้าป่าสามัคคีสร้างรั้ววัดป่าหนองไผ่ให้ท่านพระอาจารย์เมื่อปีก่อน คูบาสอน (พระอาจารย์คำสอน ปัญญาวุฒิโฒ) กับคูบาเอก (พระอาจารย์เอกนาวิน อโสโก) ก็สนิทสนมกันดี จึงตัดสินใจเลือกวัดนี้แหละเหมาะสมที่สุดและก็ไม่ผิดหวัง ได้โทรศัพท์ไปเรียนแจ้งคูบาเอกเป็นเบื้องต้น ท่านจึงไปกราบขออนุญาตกับท่านพระอาจารย์สุธรรมไว้ล่วงหน้า ซึ่งท่านพระอาจารย์สุธรรมได้มีเมตตาอนุญาต และให้ไปพบท่านก่อนเพื่อแนะนำข้อธรรมะการปฎิบัติตนระหว่างดำรงชีพศึกษาปฎิบัติธรรมในเขตสงฆ์




รูปที่ ๒ ท่านผู้พิพากษาอนุพงษ์ โพร้งประภา
ผู้ริเริ่มสร้างรั้ววัดป่าหนองไผ่และเคยบวชที่วัดป่าหนองไผ่

สำหรับวัดป่าหนองไผ่แห่งนี้ อยู่ที่บ้านหนองไผ่ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นวัดที่สงบสัปปายะร่มรื่นและร่มเย็นอย่างมาก อยู่ในเขตเทือกเขาภูพานครอบคลุมเนื้อที่สามร้อยกว่าไร่ ทิวเขาป่าไม้และอ่างเก็บน้ำสวยงาม สัตว์ป่าน้อยใหญ่ ดอกไม้และผีเสื้อหลายหลากมากมาย ในอดีตมีพระมหาเถระผู้ใหญ่มากมายหลายท่านมาปฎิบัติกรรมฐาน มีถ้ำที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่หล้า เขมปัตโต เคยมาบำเพ็ญภาวนา มีกุฏิวิหารที่พักพระสงฆ์ตลอดทั้งฆราวาสญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา เครื่องอำนวยความสดวกพอเพียงเหมาะสมอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญบรรยากาศกลิ่นอายของนักปฏิบัติทั้งวัดตลบอบอวลไปด้วยมิตรภาพ รอยยิ้มความจริงใจ ความเอื้ออาทรและกระแสเมตตาเปี่ยมล้นไปทั่ว

ไม่มีความคิดเห็น: